ภาษาญี่ปุ่น: | ドラえもん のび太の大魔境 | ||
Rōmaji: | Doraemon: Nobita no Dai Makyō | ||
ข้อมูลภาพยนตร์ | |||
กำกับโดย: | Hideo Nishimaki | ||
ผลิตโดย: | Sankichiro Kusube Soichi Bessho | ||
เขียนโดย: | ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ | ||
วันเข้าฉาย: | 13 มีนาคม พ.ศ. 2525 | ||
ดนตรีโดย: | Shunsuke Kikuchi | ||
เพลงประกอบ: | เพลงเปิด: โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) เพลงปิด: เพราะฉะนั้น พวกเราทุกคน (だからみんなで) | ||
จัดจำหน่ายโดย: | Toho | ||
สตูดิโอ: | Shin-Ei Animation Shaft Studio Deen | ||
ระยะเวลา: | 91 นาที | ||
ประเทศ: | ญี่ปุ่น | ||
Box Office: | 1.22 พันล้านเยน | ||
|
โดราเอมอน: บุกดินแดนมหัศจรรย์ (ドラえもん のび太の大魔境 Doraemon: Nobita no Dai Makyō) เป็น โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ลำดับที่ 3 เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2525 โดยมีภาพยนตร์รีเมคคือ โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ ~เปโกะกับ 5 สหายนักสำรวจ~ ในปี พ.ศ. 2557
เนื้อเรื่องอย่างละเอียด[]
ค้นหาดินแดนลึกลับ[]
เริ่มเรื่องจากซึเนะโอะและไจแอนท์ต้องการที่จะสำรวจดินแดนลึกลับที่ยังไม่เคยเจอ จึงวานโนบิตะไปขอร้องโดราเอมอนให้ช่วย ตอนแรกโดราเอมอนไม่ยอมเพราะโลกทั้งใบถูกสำรวจไปหมดแล้ว พอมาเจอเหรียญ 100 เยนที่ทำตกไปเมื่อปีก่อน โนบิตะจึงบอกกับเขาว่าถ้าตั้งใจหามันก็ยังคงจะมีอยู่ โดราเอมอนจึงใช้ดาวเทียมส่วนบุคคลเพื่อสำรวจดินแดนแถวแอฟริกา ระหว่างที่กำลังดูภาพถ่ายดาวเทียมคุณแม่วานให้ไปซื้อของ ระหว่างทางที่โนบิตะไปซื้อของก็พบสุนัขจรจัดตัวหนึ่งซึ่งหิวโซ
หลังจากที่ซื้อของแล้วโนบิตะก็ซื้อไส้กรอกมาให้ด้วย เมื่อโนบิตะกลับมาถึงบ้านสุนัขตัวนี้ก็ตามมาด้วย เมื่อโนบิตะรับรู้ว่ารูปภาพที่จะได้จากการสำรวจเฉพาะลุ่มแม่น้ำคองโกที่ปาไปสองล้านกว่าแผ่นก็เป็นลมไป สุนัขตัวนั้นก็แอบเข้ามาในบ้านอีก จึงแอบเอาไปซ่อนในตู้เก็บที่นอน เมื่อคุณแม่มาเห็นโนบิตะก็บอกว่าจะไล่สุนัขตัวนั้นออกไป แต่คุณแม่กำลังเดือดร้อนเพราะทำกระเป๋าหล่นหายไป เมื่อสืบเรื่องไปเรื่อย ๆ สุดท้ายสุนัขที่ตามโนบิตะมาก็เจอกระเป๋า โนบิตะจึงขออนุญาตคุณแม่เลี้ยงสุนัขตัวนี้ ซึ่งคุณแม่ให้เลี้ยง (ถ้าไม่นับรีเมคน่าจะครั้งเดียวในจักรวาลโดราเอมอนแล้วล่ะ) โนบิตะตั้งชื่อสุนัขตัวนี้ว่า เปโกะ เพราะหิวมาตลอด พอคุณพ่อมาเห็นก็แปลกใจว่าคุณแม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ คุณแม่บอกว่าไม่สามารถทิ้งหมาจรจัดที่น่ารักอย่างนี้ได้ คุณพ่อจึงโอเคด้วย คืนนั้นโนบิตะฝันว่าไปท่องแดนลึกลับกับเพื่อน ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นสวนสนุกแอฟริกาแลนด์จึงถูกไจแอนท์และซึเนะโอะจัดการเพราะหลอกพวกเขาเข้ามา แต่นี่มันก็เป็นแค่ความฝัน
เช้าวันต่อมาเปโกะทำกิจวัตรของตัวเองราวกับมนุษย์ ก่อนกินต้องล้างมือก่อน และไม่กินมูมมาม ระหว่างที่โนบิตะและโดราเอมอนกำลังดูภาพถ่ายดาวเทียม เปโกะก็สนใจภาพด้วย เมื่อเหนื่อยทั้งสองหยุดการส่งภาพและพาเปโกะไปเดินเล่น พวกเขานอนกลางวันเพลินจนเย็น
เมื่อกลับมาก็พบกับรูปถ่ายท่วมห้องเพราะเปโกะเร่งการส่งภาพ เปโกะพบรูปถ่ายใบหนึ่งซึ่งต่อมาก็พบว่าเป็นเทวรูปหินกลางป่าลึก พวกเขาจึงเอารูปนี้ไปให้เดคิสุงิดู เดคิสุงิบอกว่าเป็นป่าเฮฟวี่สโมกเกอร์ที่มีหมอกหนาจัดตลอดทั้งปี แต่ดาวเทียมของโดราเอมอนสามารถถ่ายทะลุหมอกได้ แปลว่าเป็นที่ที่ถ่ายได้เป็นดินแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจมาก่อน
เริ่มการผจญภัย[]
วันต่อมาโนบิตะ โดราเอมอน และเพื่อน ๆ รวมห้าคน (ไจแอนท์ ซึเนะโอะ และชิซุกะ) ออกเดินทางสู่เป้าหมายระยะทางร้อยกิโลเมตร ระหว่างเดินทางโนบิตะขอประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอนเพื่อซ่อนผลสอบ 0 คะแนน หลังจากนั้นโนบิตะ ซึเนะโอะ และไจแอนท์พักระหว่างทางเพื่อฉี่ ชิซุกะจึงขอประตูไปที่ไหนก็ได้เพื่อเข้าห้องน้ำ ไจแอนท์โวยวายว่าทำลายบรรยากาศหมด
แต่เมื่อชิซุกะกลับมา เธอบอกไจแอนท์ว่าคุณแม่โกรธใหญ่เลยจึงต้องขอยืมประตูจากโดราเอมอนเช่นเดียวกับคนอื่น โนบิตะกับซึเนะโอะเลยย้อนว่านักสำรวจต้องกลับไปหาแม่ด้วยเหรอ เมื่อไจแอนท์กลับมาพร้อมกับความสะบักสะบอมก็เดินทางต่อ และหยุดพักกินอาหารกลางวันกัน ตอนแรกโดราเอมอนจะใช้โทรศัพท์สั่งของแต่ไจแอนท์เบรคไว้เพราะทำลายบรรยากาศ เลยใช้ยาสกัดดัดแปลงพืชเพื่อให้ต้นไม้ออกผลเป็นอาหารที่ต้องการและสร้างที่พัก ระหว่างที่กินกันอยู่ก็พบว่าทางเหนือมีควันขาว ๆ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา ต่อมาโดราเอมอนสร้างบรรยากาศในการเดินทางโดยเอาผ้าคลุมเรียกสัตว์ร้ายใส่ให้ไจแอนท์และทุกคนช่วยต่อสู้กับสัตว์ต่าง ๆ
เมื่อเย็นพวกเขากลับบ้านเพื่อเอาแรงในการผจญภัยในวันต่อไป ไจแอนท์บอกว่าเขาไม่ผจญภัยแล้ว คืนนั้นไจแอนท์พบโฮโลแกรมเทวรูปยักษ์ซึ่งปลุกใจไจแอนท์ให้กลับมาฮึกเหิมอีกครั้งและให้แผนที่นำทางไปเบาวังโก
ตามรอยเบาวังโก[]
วันต่อมาไจแอนท์นำทุกคนเพื่อที่จะไปตามหาขุมทรัพย์ของเบาวังโกโดยเอาคอปเตอร์ไม้ไผ่ ขนมดังโกะตราโมโมทาโร่ ไฟฉายย่อส่วน ปืนช็อค และ ถุงเมือซูเปอร์ เอาไว้ในท่อดิน เมื่อลอดประตูไปแอฟริกา ได้ยินเสียงกลองจากชาวพื้นเมือง เมื่อเสียงหยุดก็ออกเดินทางต่อ เมื่อไปถึงแม่น้ำโดราเอมอนเอาเรือจักรไอน้ำออกมาล่องทวนน้ำเพื่อไปยังน้ำตกเทะมุ ระหว่างที่ซึเนะโอะกำลังขับเรือไจแอนท์ขึ้นมาขอขับแทน แต่ซึเนะโอะบอกว่าตกลงจะผลัดกันขับคนละชั่วโมง ไจแอนท์จึงต่อยซึเนะโอะและขับเอง ขับไปเรื่อย ๆ ก็พบฝูงจระเข้ ไจแอนท์สามารถจัดการได้ตัวหนึ่งแต่ลืมพวงมาลัย เรือจึงไปชนโขดหินและเรือก็อัปปางลง
จะใช้เครื่องมืออะไรก็ทิ้งไว้ ส่วนประตูไปที่ไหนก็ได้ก็หนักเกินกว่าที่หลังคาเรือจะรองรับไว้ได้เลยถูกจระเข้กินเรียบ แต่พวกเขาก็รอดมาได้จากความช่วยเหลือของชนพื้นเมือง คืนนั้นพวกเขาได้รับเชิญจากชนพื้นเมืองไปเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสฉลองเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ โดราเอมอนจึงให้หัวหน้าชนเผ่ากินวุ้นแปลภาษาเพื่อที่จะได้คุยกันรู้เรื่อง ชาวบ้านบอกว่าการที่จะได้พบเทพเจ้าเบาวังโกจะต้องมีสามชีวิต เมื่อข้ามน้ำตกเทะมุจะพบกับสะวันน่าที่มีสิงโตเต็มไปหมด จะต้องทิ้งหนึ่งชีวิต เมื่อพ้นไปจะพบกับหุบเขาโอโดรอนโดโร่ที่ขึ้นลงไม่ได้ และข้างล่างมีวิญญาณอยู่ จึงต้องเสียอีกหนึ่งชีวิต และเมื่อผ่านหุบเขาไปจะพบกับดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาตลอดกาล ซึ่งจะกลับออกมาไม่ได้และต้องเสียชีวิตที่สามไป ไจแอนท์บอกว่าเรื่องผีเขาไม่เชื่อหรอก เราจะต้องไปที่ดินแดนแห่งนั้นและเอาสมบัติกลับมา สุดท้ายทั้งห้าก็ถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะถ้าอยู่ต่อไปชาวบ้านเชื่อว่าพระเจ้าจะพิโรธและหมู่บ้านจะมีอันเป็นไป เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน โดราเอมอนจึงเอาหมวกที่ตัวเองใส่มาเป็นเต็นท์
ไจแอนท์เสียกำลังใจอย่างมากเพราะเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเขาจากคำพูดของทุกคน แต่ก็ได้เปโกะปลอบใจ
วันต่อมาหลังจากที่ผ่านน้ำตกเทะมุได้ พวกเขาเดินทางผ่านสะวันน่า แต่ก็ไม่พบสิงโต พอปีนขึ้นเนินหินเท่านั้น สิงโตฝูงใหญ่โผล่ออกมา ทุกคนตกใจกลัวหมด แต่เปโกะวิ่งฝ่าฝูงสิงโตออกมาเพื่อเรียกโฮโลแกรมเทวรูปเบาวังโกออกมาจัดการกับสิงโต พร้อมกับบอกว่าให้ก้าวเดินต่อไปอย่าถอย เมื่อเปโกะกลับมาโนบิตะก็พบว่าหน้าของเปโกะเหมือนกับเทวรูปเปี๊ยบ จากนั้นพวกเขาเดินทางต่อไปจนตั้งแคมป์ตอนกลางคืนกลางทุ่งหญ้า และได้ยินเสียงประหลาด ๆ มาจากหุบเขาโอโดรอนโดโร่
วันต่อมาพวกเขามาพบกับภูเขาหิมะอันแสนลื่น โดราเอมอนจึงใช้เชือกรถไฟเพื่อให้ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น เมื่อพ้นภูเขาหิมะมาก็พบกับหุบเขาที่ลึกสุดใจ และพบกับหมอกลงเต็มไปหมด ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามาถึงป่าเฮฟวี่สโมกเกอร์ พวกเขาใช้ลิฟต์ทันใจ (เคยใช้ตอนที่รับประทานอาหารกลางวันในวันแรกที่ผจญภัย) บรรทุกไจแอนท์ลงไป แต่โชคไม่ดีที่หน้าผาที่ยึดลิฟต์ถล่มลงไป ไจแอนท์ติดอยู่บนหน้าผา แต่ก็ปีนไม่ได้เลย โดราเอมอนคิดได้ว่าใช้สีแรงโน้มถ่วงเพื่อลงไปยังก้นหุบเขา ข้างใต้หุบเขาว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งวิญญาณ
แต่จากนั้นซึเนะโอะพบว่าเกิดจากไอน้ำจากใต้ดินพ่นขึ้นมาซึงบริเวณนั้นเป็นรอยต่อเปลือกโลก ส่วนเสียงนั้นเกิดจากน้ำขึ้นมาตามหินที่มีรูพรุน จากนั้นเปโกะก็เปิดเผยตัวเองว่าเป็นโอรสของเบาวังโกที่ 108 เจ้าชายคุนทัก จากนั้นเปโกะพาพวกโดราเอมอนไปยังราชอาณาจักรของเขาซึ่งไปได้เพียงทางเดียวคือทางน้ำใต้พิภพ โนบิตะสงสัยว่ามีอาณาจักรของสุนัขด้วย เปโกะก็ไม่เชื่อว่ามีอาณาจักรขอมนุษย์อยู่จริงเพราะไม่มีคนอื่นใดเคยออกไปยังโลกภายนอก เป็นเพราะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกในอดีตทำให้โลกของเปโกะถูกตัดขาด และมีวิวัฒนาการมาจากสุนัข
อาณาจักรเบาวังโก[]
เมื่อมาถึงอาณาจักรก็พบสมุนของดาบุรันด้าที่ชิงบัลลังก์ของเปโกะ ซึ่งมีความมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะบุกโลกภายนอก เปโกะพาพวกโดราเอมอนไปยังคฤหาสน์ของบลูซุสที่เป็นทหารองครักษ์ของพระราชาองค์ก่อน พอมาถึงก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ทันใดนั้นเปโกะเห็นทหารของดาบุรันด้ากำลังจะจับตัวลูกสุนัข แต่ช่วยไว้ได้ทัน ลูกสุนัขชื่อจิปโปะได้เล่าแผนการของดาบุรันด้าที่จะสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อที่จะบุกโลกภายนอกโดยมีดอกเตอร์คอสเป็นผู้วิจัย ระหว่างที่ดาบุรันด้าและดอกเตอร์คอสกำลังดูการทดสอบอาวุธอยู่ก็ได้รับแจ้งจากทหารว่าเจ้าชายคุนทักกลับมาแล้วและมีลิงสี่ตัวกับทานุกิหนึ่งตัวตามมาด้วย ดอกเตอร์คอสจึงแนะให้ดาบุรันด้าเรียกขุนพลเซเบอร์ออกตามล่าเจ้าชายตัวปลอมโดยไปบุกค้นคฤหาสน์ของบลูซุส ระหว่างที่เปโกะและพวกโดราเอมอนกำลังออกเดินทางไปหาบลูซุสเปโกะเล่าให้ฟังว่าเขามาหาโนบิตะได้อย่างไร เมื่อห้าพันปีก่อนอารยธรรมของเบาวังโกสูงมาก แต่กษัตริย์เบาวังโกเห็นว่าการพัฒนาอาวุธแบบไม่สิ้นสุดทำให้โลกถึงคราวพินาศได้จึงทรงสั่งห้ามการทดลองและวิจัยอาวุธ แล้วสร้างเทวรูปยักษ์เพื่อเป็นเทพคุ้มครองอาณาจักรแทน อาณาจักรที่ถูกโอบล้อมด้วยป่าและภูเขาสูงจึงไม่ถูกรุกราน แต่ว่าดาบุรันด้าผู้มักใหญ่ใฝ่สูงต้องการจะยึดครองโลกภายนอกจึงสั่งให้ดอกเตอร์คอสทำการวิจัยอาวุธ พระราชาองค์ก่อน (พ่อของเจ้าชายคุนทัก) ได้ต่อว่าดาบุรันด้าอย่างรุนแรง แต่เขาเป็นคนที่ไม่เลิกล้มความตั้งใจง่าย ๆ จึงลอบปลงพระชนม์พระราชาและจับตัวเจ้าชายไว้ พร้อมกับประกาศว่าทั้งสองคนป่วยตายจึงทำพิธีศพ ระหว่างทางที่กำลังจะถูกฝัง เปโกะตกลงสู่ทะเลสาบพร้องโลงแล้วถูกกระแสน้ำพัดไปยังปากแม่น้ำคองโก และเขาได้ถูกรับเลี้ยงโดยกะลาสีชาวญี่ปุ่น เมื่อมาถึงเขาประพฤติตัวเยี่ยงสุนัขทั่วไปจนได้มาพบกับโนบิตะ
คืนนั้นเปโกะและเพื่อน ๆ มาถึงคุกที่ขังบลูซุสและช่วยออกมาได้สำเร็จ และหนีไปซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฝั่งเจ้าหญิงสเปียน่าได้รับข่าวว่าเจ้าชายคุนทักกลับมาแล้ว ว่าแล้วดาบุรันด้าหาว่านั่นเป็นตัวปลอมและกำลังจะหาวิธีสังหาร และคิดจะชิงเจ้าหญิงสเปียน่ามาเป็นภรรยาของเขา ส่วนกองทหารของดาบุรันด้า ขุนพลเซเบอร์สั่งให้ทหารหาตัวเจ้าชายคุนทักและผองเพื่อน แต่ก็หาไม่เจอจึงติดประกาศจับเอาไว้ ใครให้ที่ซ่อนจะถูกประหาร แต่ถ้าบอกที่ซ่อนจะได้รางวัล แต่แป๊ปเดียวชาวบ้านหายไปหมดเนื่องจากไม่มีใครชอบดาบุรันด้า โดราเอมอนโมโหที่พวกทหารบอกว่าเขาเป็นทานุกิ จากคำทำนายที่ว่าคนต่างถิ่นสิบคนขยับหัวใจเทวรูปยักษ์ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เพราะมีแค่ 5 คน
และบลูซุสบอกอีกว่าในเทวรูปมีโพรงที่เข้าไปได้ ระหว่างนั้นจิปโปะร้องโหยหวนด้วยความหิวทุกคนจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว โดราเอมอนหยิบเอาเครื่องรับสัญญาล่วงหน้าเพื่อให้อิ่มข้าวเพราะสัญญาว่าวันต่อไปจะได้กินข้าว หลังจากปิดไฟนอนแล้ว เปโกะถามบลูซุสเรื่องเจ้าหญิงสเปียน่าว่าปลอดภัยดีหรือไม่ บลูซุสบอกว่ายังปลอดภัยในห้องขังในวังดี เปโกะโล่งอกไป ชิซุกะขอยืมเครื่องนี้เพื่อจะได้อาบน้ำ ที่ปราสาทของดาบุรันด้า เซเบอร์กลับมารายงานว่าไม่พบวี่แววของเจ้าชายกับพวกเลย ดอกเตอร์คอสจึงเสนอดาบุรันด้าว่าพวกนั้นคงจะมาตอนกลางคืนเพื่อไปสู่เทวรูปจากคำทำนายว่าคนต่างถิ่นสิบคนจะมาขยับหัวใจเทวรูป
ขยับหัวใจเทวรูปยักษ์[]
เปโกะและพวกได้เดินทางไปเทวรูปยักษ์ แต่ก็ถูกพวกทหารของดาบุรันด้าดักเอาไว้ บลูซุสจึงอาสาจัดการกับกองทหารเองส่วนเปโกะและพวกหนีไป
แต่ก็หนีไม่พ้นและถูกดอกเตอร์คอสล้อมป่าไว้หมดแล้ว เปโกะจึงฝากให้จิปโปะพาพวกโนบิตะไปส่งที่ทะเลสาบเพื่อออกไปยังโลกภายนอก และตัวเองจะเป็นคนถ่วงเวลาพวกทหารของดาบุรันด้าเอง จากนั้นเปโกะก็เดินจากไป ไจแอนท์ตามมาช่วย แม้จะมีเถียงกันแต่ก็เข้าใจกันและฝ่าฟันออกไป และทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งเพราะทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อปราบศัตรู ทั้งหกไปถึงหน้าเทวรูปที่พวกทหารดักเอาไว้ เนื่องจากอีกห้าคนยังไม่มาชิซุกะเลยใช้เครื่องรับสัญญาล่วงหน้าและสัญญาว่าจะกลับมาช่วยแน่นอน จากนั้นพวกโนบิตะอีกกลุ่มก็บินมาหา โดราเอมอนคนอนาคตพาทุกคนขึ้นไปยังหัวใจเทวรูป ส่วนอีกสี่คนที่เหลือจะรับมือกับพวกทหารเอง โนบิตะคนปัจจุบันตามขึ้นไปไม่ทันและถูกทหารนำด้วยเซเบอร์ตามมาถึงเปโกะจึงมาช่วยโนบิตะโดยดวลดาบกับเซเบอร์และโดราเอมอนอนาคตส่งดาบสายฟ้าเด็งโคมารุให้โนบิตะช่วยยันศัตรูเอาไว้อีกแรง ส่วนข้างนอกเริ่มสู้ไม่ไหวเพราะศัตรูเริ่มใช้รถพ่นไฟ ส่วนคนอื่น ๆ หมุนหัวใจเทพเจ้าให้ทำงาน ใช้เวลาอยู่นานโขกว่าจะทำให้หมุน ส่วนเปโกะเสียท่าให้กับเซเบอร์ แต่เทพเจ้าเบาวังโกทำงานแล้วเซเบอร์จึงทรงตัวไม่อยู่และร่วงลงมา เปโกะใช้พลังจากสร้อยในการควบคุมรูปปั้นเทวรูปจนสามารถกำจัดศัตรูได้หมด เว้นแต่ดาบุรันด้าที่หนีไปได้ ดาบุรันด้าพาเจ้าหญิงหนีไป แต่ก็หนีไม่พ้น เปโกะมาทันเวลา จากนั้นเบาวังโกจึงกลับมาสงบสุข
ปริศนาคนต่างถิ่นสิบคนก็ถูกไขออกแล้วจากการที่พวกโดรเอมอนมาช่วยตัวเองตามสัญญาที่ชิซุกะให้ไว้และให้ประตูไปที่ไหนก็ได้บานใหม่ ส่วนเปโกะขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาของเบาวังโก และพวกโดราเอมอนก็กลับไปยังญี่ปุ่น จากนั้นพวกเขาต้องทำตามสัญญาที่สำคัญไว้เลยเอาของวิเศษไปเยอะ ๆ แล้วไปบอกความลับของเทวรูปยักษ์
ตัวละคร (ตามลำดับการปรากฎตัว)[]
- เปโกะ/เจ้าชายคุนทัก
- โนบิ โนบิตะ, โกดะ ทาเคชิ และ โฮเนคาว่า ซึเนโอะ (ปรากฏตัวพร้อมกัน)
- โดราเอมอน
- โนบิ ทามาโกะ
- โนบิ โนบิสุเกะ
- เดคิสุงิ ฮิเดโทชิ
- มินาโมโตะ ชิซุกะ
- ชนพื้นเมืองในคองโก
- ทหารของดาบุรันด้า
- จิปโปะ
- ดาบุรันด้า และ ดอกเตอร์คอส (ปรากฏตัวพร้อมกัน)
- เซเบอร์
- บลูซุส
- เจ้าหญิงสเปียน่า
- ผู้ดูแลเจ้าหญิงเปียน่า
ของวิเศษที่ใช้ (ตามลำดับการปรากฎ)[]
- ดาวเทียมส่วนบุคคล
- กล้องหกด้าน
- หมวกแคมปิ้ง
- ประตูไปที่ไหนก็ได้
- โทรศัพท์สั่งของ
- ยาสกัดดัดแปลงพืช
- ลิฟต์ทันใจ
- ผ้าคลุมเรียกสัตว์ร้าย
- ขนมดังโกะตราโมโมทาโร่
- ไฟฉายย่อส่วน
- ปืนช็อค
- คอปเตอร์ไม้ไผ่
- ถุงมือซูเปอร์
- เรือจักรไอน้ำ
- วุ้นแปลภาษา
- เชือกรถไฟ
- สีแรงโน้มถ่วง
- เรือทวนน้ำ
- ห่วงผ่านตลอด
- บ้านสุนัขวอลเปเปอร์
- เครื่องรับสัญญาล่วงหน้า
- ดาบสายฟ้าเด็งโคมารุ
นักพากย์ญี่ปุ่น[]
|